วัดพระธาตุเมืองสีแก้ว รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
รายละเอียด : ประวัติพระธาตุสีแก้ว (ฉบับย่อ)
องค์พระธาตุสีแก้วอยู่ห่างจาก อ.เมืองร้อยเอ็ด ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 15 กม. ตั้งอยู่บริเวณวัดบ้านสีแก้ว บ้านสีแก้ว อ.เมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมีพระครูศิริรัตนภิรักษ์ ปุโน เป็นเจ้าอาวาสผู้ปัจจุบัน
ลักษณะองค์พระธาตุสีแก้ว
องค์พระธาตุสีแก้ว เป็นพระธาตุก่อด้วยอิฐ ฐานมีขนาดกว้างด้านละ 5x5 เมตร มีความสูง 17 เมตร ลักษณะเป็นการก่ออิฐแบบผสมดินแล้วฉาบปูนทับ องค์พระธาตุถูกสร้างขึ้นโดยมีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม คือเรือนองค์ธาตุก่อเป็นรูป4เหลี่ยมเรียงกันสองชั้น และสร้างขึ้นไปสู่ส่วนยอด ตรงตัวเรือนธาตุทั้งสี่ด้าน ทำเป็นประตูหลอก เหนือประตูขึ้นไปทำเป็นลวดลายคล้ายพระธาตุพนม แต่ฝีมือหยาบกว่า จากตำนานเล่าว่าในอดีต เมื่อ200 ปีก่อน ก่อนจะมีการตั้งหมู่บ้าน มีชาวละโว้กลุ่มหนึ่ง เดินทางมาจากเมืองละโว้ เพื่อนำสิ่งขอมีค่าไปร่วมในการสร้างพระธาตุพนม เมื่อชาวละโว้เดินทางมาถึงบ้านคานหักในปัจจุบัน ไม้คานที่ใช้แบกสิ่งของมีค่า ได้เกิดหักในบริเวณดังกล่าว ทำให้สิ่งขอมีค่าเปื้อนฝุ่นโคลน ชาวละโว้จึงได้นำสิ่งของมีค่าไปล้างทำความสะอาด ด้วยการขัดสีขี้โคลนออก ที่บริเวณบ้านสีแก้วในปัจจุบัน ดังนั้นชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า บ้านสีแก้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และหลังจากที่ชาวละโว้ทำความสะอาดเสร็จ ก็เตรียมที่จะเดินทางต่อ แต่ไม่ทันได้เดินทาง ก็มีม้าเร็วจากพระธาตุพนม มาส่งข่าวว่า ไม่ต้องเดินทางต่อแล้ว เพราะพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว ส่วนสิ่งของมีค่าที่นำมา ให้ฝั่งไว้ในที่ที่เดินทางมาถึง จากนั้นชาวละโว้จึงได้สร้างพระธาตุสีแก้วขึ้น บริเวณวัดบ้านสีแก้ว ในปัจจุบัน โดยได้นำสิ่งของมีค่าที่นำมา ฝังไว้ในองค์พระธาตุ เพื่อให้ลูกหลานได้กรายไหว้บูชา และในบริเวณติดอยู่กับองค์พระธาตุแต่เดิม มีร่องรอยของฐานอุโบสกหลังเก่า ปัจจุบันได้ถูกรื้อทิ้งไปเกือบหมดแล้ว จึงเหลือแต่ฐานและกำแพงแก้วที่ต่อเดิมขึ้นมาใหม่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น ต่อมาได้มีการสร้างอุโบสกหลังใหม่ขึ้นแทนที่หลังเก่า และภายในอุโบสกยังมีพระประธานประดิษฐานอยู่ 1 องค์ คือหลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอีกด้วย
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น
การพังทลายขององค์พระธาตุสีแก้ว แรม 8 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 2547 เวลา 17.25 นาที ได้เกิดการร้าวจากส่วนฐานถึงยอดพระธาตุ ทำให้พระธาตุพังทลายลงมา จากนั้นพระสงฆ์และชาวบ้านจึงเข้ามาดูที่เกิดเหตุ พบว่ามีภาชนะดินเผา และเศษภาชนะดินเผาเป็นกลุ่มๆ หลังจากที่พระธาตุได้พังทลายลงนั้น พณฯ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในขณะนั่นคือท่านอนุรักษ์ จุรีมาศ ได้สั่งการให้กรมศิลปากร โดยสำนักงานกรมศิลปากรที่ 10 ร้อยเอ็ด ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดี และจัดทำรูปแบบเพื่อการบูรณะ เป็นเงินงบประมาณ 1,200,000 บาท โดยได้เริ่มการขุดค้นและบูรณะตั้งแต่วันที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 และเสร็จสมบูรณ์ และยกยอดฉัตร เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2548 โดยมี พณฯ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในการเปิดพิธียกยอดฉัตร ปัจจุบัน ทางวัดได้มีการจัดงานไหว้พระธาตุประจำปี ในช่วงวันเพ็ญเดือนสาม เดือนกุมภาพันธุ์ของทุกปี เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรม และให้ลูกหลานได้กราบไหว้บูชาสืบต่อไป
ผู้โพส : admin